วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2012
ข้อความจากพระนางมารีย์ราชินีแห่งสันติสุขถึงเอ็ดซอน กลอเบอร์ในวิโกโล, BG, อิตาลี
สงบใจเยาวชนของฉัน!
ผมเป็นพระแม่แห่งเจซัสและมาจากสวรรค์เพื่อขอร้องให้พวกเจ้าประคับประหัตถ์ต่อโลกทั้งใบ
เยาวชนฟังข้อความของผม: ข้อความของผมนำพวกเจ้าไปสู่พระทัยแห่งบุตรผู้เป็นเจ้าของผม เจซัส พระเจ้าต้องการให้สงบสุขแก่โลก แต่โลกไม่ต้องการรับไว้เพราะไม่ยอมละทางแห่งปาฏิหาริย์ที่นำไปสู่นรก และด้วยเหตุนี้เยาวชนของฉันจึงมีครอบครัวหลายครอบครัวถูกทำลายจากหักหน้าพระเจ้าและสั่งสมร้ายแรงแก่พระทัยอับไพศาลของผม ประคับประหัตถ์ ประคับประหัตถ์ ประคับประหัตถ์ ด้วยการประคับประหัตถ์ พวกเจ้าจะเปลี่ยนสิ่งสำคัญหลายอย่างในโลกได้ เยาวชนผมอยู่ตรงนี้เพื่อบอกพวกเจ้าว่าเธอได้รับพระกรุณาและพิรุธจากสวรรค์มาแล้ว ปัจจุบันเป็นเวลาให้พวกเจ้าประทานความกล้าหาญและศรัทธาต่อการปรากฏของพระเจ้าและความรักแก่อนุชาอนุจารย์ของเธอ ทำสิ่งที่ต้องทำ!
อย่าขึ้นให้สัตว์ประหลาดเอาไปจากทางศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า ประคับประหัตถ์ต่อโลกและครอบครัว ผมอวยพรแก่เธอ: ในนามพระบิดาพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ อามิน!
จงดำรงข้อความของพระแม่สตรีนี้เป็นที่เรียกข้องในวันนี้ มีผู้คนจำนวนมากทั่วโลกหลายแห่งที่ระลึกถึงการปรากฏครั้งแรกของเธอที่เกิดขึ้นในโควาดาไอร์ยาที่ฟาติมาหรือเกียเอดีบอนาเตในอิตาลี แต่มีใครเป็นจริงๆ ที่พยายามดำรงข้อความที่พระนางมารีย์ส่งต่อมาในสถานที่สองแห่งนี้ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งของพระกรุณาและพิรุธแก่โลก
แท้จริงแล้ว สถานที่ใดๆ ที่พระเจ้าเลือกให้พระนางมารีย์ปรากฏตัวนั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญต่อการปลดปล่อยวิญญาณหลายชีวิต เป็นความจริงว่า พระเจ้าที่ทรงปลดปล่อย และพระแม่ที่ขอร้องเพื่อให้เราปลอดภัย แต่ก็เป็นความจริงเช่นกันว่าพระเจ้าเองท่านผู้ส่งพระนางมารีย์มาในโลกและไม่ใช่พระนางมารีย์ที่ลงจากสวรรค์เพราะต้องการของเธอ ดังนั้นเราจึงเข้าใจได้ว่า ถ้าที่เป็นพระเจ้าผู้ส่งเธอมาให้อยู่กับพวกเราแล้ว จะเป็นคำพูดของพระมารดาบุญธรรมที่ท่านบอกแก่เรา และด้วยเหตุนี้การปรากฏตัวของพระนางมารีย์จึงนำความปลอดภัยมาให้เพราะเป็นพระกรุณาและพิรุธจากพระเจ้าเองผ่านทางอำนาจวิเศษ
ไม่มีสิ่งไหนที่ไม่ธรรมดาที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของเราหากไม่ได้รับการกระทำของพระเจ้าในตัวเรา เป็นเพียง
พระเจ้าที่ทรงสร้างให้คาริสมาสามารถแพร่ขยายมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะคาริสมานี้ที่มาแต่พระจิตวิญญาณบริสุทธิ์จะต้องเพิ่มพูนไปทั่วโลกอย่างที่ทรงประกาศไว้ให้เราได้ฟังจากหนังสือของผู้เผยพระวจนะโยเอล
เพราะฉันจะหล่อน้ำลงบนดินที่แห้งแล้ว ทำให้มันไหลไปทั่วพื้นที่ที่ขาดน้ำ ฉันจะหล่อพระจิตวิญญาณของฉันลงสู่ลูกหลานของคุณ และทรงอุปการะแก่ต้นตระกูลของคุณ (อิสยาห์ 44:3)
ฉันจะหล่อน้ำบริสุทธิ์ลงบนคุณ ซึ่งจะทำความสะอาดให้คุณจากสิ่งที่ไม่สมควรและสิ่งที่เป็นการละเมิด (เอเซกิเอล 36:25)
หลังจากนั้นจะเกิดขึ้นว่า ฉันจะหล่อพระจิตวิญญาณของฉันลงบนทุกสิ่งมีชีวิต ท่านลูกและธิดาของคุณจะเป็นผู้เผยพระวจนะ ผู้ใหญ่ในหมู่คุณจะฝันรู้ และหนุ่มสาวของคุณจะเห็นภาพพรรณ.... จะมีคนที่หลงเหลืออยู่ตามที่พระเจ้าทรงประกาศไว้และจากกลุ่มผู้รอดชีวิตนั้นจะเป็นบุคลากรที่พระเจ้าทรงเรียก (โยเอล 2:28)
ในช่วงสุดท้ายของเวลา พระเจ้าจะหลั่งพระวิญญาณลงบนโลกเรียกร้องให้มีผู้เยาว์ ผู้รุ่นใหม่ และแม้แต่คนแก่มากขึ้นเพื่อเป็นผู้พยากรณ์ นี่คือสมัยแห่งความเมตตา คำสอนของท่านชัดเจนต่อเรามากว่า พระวิญญาณที่พระเจ้าจะหลั่งลงนั้นไม่ใช่ปีศาจ แต่เป็นพระองค์เอง ดังนั้นเราควรระมัดระวังในการพูดเกี่ยวกับปรากฏกายและข้อความที่แม่พระส่งมาให้เรา แน่นอนว่าเราต้องทำงานพิจารณาประเด็นเหล่านี้ แต่เมื่อท่านแสดงว่าพระองค์เป็นผู้กระทำทั้งหมด เราจะไม่สามารถปิดใจต่อพระเมตตามันได้ แต่เราควรมีการกระทำ เพราะพระเจ้าทรงเรียกให้คนงานไปทำในสวนของพระองค์ แต่ใครจะอยากฟังเสียงเรียกร้องนี้ มานี้มาประคับประแจง ขอพรรณนา และขออย่างน้อยว่า พระเจ้าโปรดส่งคนงานมาเพื่อทำงานในสวนของท่าน!... เป็นพระเจ้าที่เลือกคนงานให้กับสถานการณ์ที่เร็วร้อนสุดและไม่ใช่เราเอง เมื่อพระเจ้าส่งมาประกาศ และยกระดับเหล่าคนงานนี้ เราก็จำเป็นต้องฟังหรือต้อนรับพวกเขามาด้วยความสงสัยต่อการกระทำของท่าน
คนงานในสวนของพระเจ้านี้ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่ผู้ชายและนักบวช แต่เป็นคนดีที่ท่านเลือก เมื่อหลั่งพระวิญญาณตามที่คำพยากรณ์กล่าวไว้ เพราะคนงานที่จะไปทำในสวนของพระเจ้าสุดท้ายนี้ จะเป็นผู้เยียวยาที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เลือก เนื่องจากพระวิญญาณโบกเบี้ยวตามใจตนเอง ถ้าแม่ชีและพ่อค้าประหลาดใจต่อความเห็นและการโกหกรของโลก แทนที่จะทำงานและขับเคลื่อนนำเสนอจริงสารของพระเจ้า เพื่อเอาชนะความเห็นและการโกหกรนั้น พระเจ้าได้ยกระดับผู้เยียวยาทันทีหลังจากนั้น ด้วยพระเมตตามันเพื่อเตือนคนที่กำลังก่อกวนให้มีพลังแก้ไขตัวเองจากความเสียดาย และตั้งเป็นแบบอย่างดีแก่พี่น้องในศรัทธา
มีคำเขียนว่า " และพระองค์ทรงแต่งตั้งบางคนเป็นอัครสาวก บางคนเป็นนาบี บางคนเป็นผู้เผยแพร่ข่าวดี บางคนเป็นผู้ปกครองและครู เพื่อให้ศาสนิกชนนั้นสมบูรณ์เพียงพอกับงานของการบริหาร และเพื่ออำนวยความเจริญแก่ตัวแทนพระคริสต์ จนกระทั่งเราทั้งหมดจะมาถึงจุดยืนเดียวกันในเรื่องศรัทธาและความรู้สมบูรณ์เกี่ยวกับบุตรของพระเจ้าจะถึงระดับที่มนุษย์เป็นอย่างแท้จริง และถึงขีดจำกัดแห่งสถิติสมบูรณ์ของคริสต์ พระองค์จะไม่ให้นักเรียนอีกต่อไป เพราะเราได้รับการหลอกลวงจากความโกหกและวิธีที่นำมาซึ่งผิดพลาด แต่ตามจริยธรรมในความรัก ให้เราทั้งหมดเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นอย่างพระองค์ผู้ทรงเป็นศิษย์ใหญ่คือคริสต์ " (เอเฟซัส 4:11-15) ในการเริ่มต้นพูดถึงความสามารถในงานบริหาร จำเป็นที่จะต้องกล่าวว่า " มีหลากหลายของงานบริหาร แต่พระเจ้าที่เดียวกัน " (โครินธ์ 1:5) ดังนั้นงานบริหารที่พระเจ้าได้ตั้งขึ้นในคริสต์จักรของพระองค์มีความแตกต่างจากอีกฝ่ายหนึ่ง แต่แม้ว่าจะแตกต่างกันไปตามการทำงาน แต่ทั้งหมดนี้ถูกมอบให้โดยพระเจ้าที่เดียวกันแก่ผู้ที่ได้รับเลือกมาเป็นคนบริหารงานของพระเจ้า ผู้บริหารงานของพระเจ้ารู้ว่าเขาได้รับความสามารถจากพระองค์ในหลากหลายแบบ และพวกเขารับรู้ด้วยว่าความกรุณาของพระเจ้าถูกมอบให้แก่แต่ละคนตามขีดจำกัดแห่งการส่งของคริสต์ ดังที่เราเห็นว่าเรียกว่า " 'ขีดจำกัดแห่งการส่งของคริสต์' " เพราะความสามารถในงานบริหารทั้งหมดถูกมอบให้โดยพระเยซูคริสต์ตามที่มีคำเขียนว่า " พระองค์... มอบความสามารถแก่มนุษย์ " (เอเฟซัส 4:8; ซามูเอล 2:18) ความสามารถในงานบริหารก็มาจากบนเนื่องจากมีคำเขียนว่า " ทุกสิ่งที่ดีและสมบูรณ์ทั้งหมดมาจากบน " (ยาโกบ 1:17)